PDPA Policy

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวทางปฎิบัติ พ.ศ. 2563

บทนำ
    นโยบายฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้พนักงาน ลูกจ้าง คู่ค้าและผู้ใช้บริการได้ทราบและเข้าใจในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น โดยเป็นไปตามกฎหมาย อำนาจหน้าที่ ภารกิจในการดำเนินงานของบริษัท เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัท จำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 และพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 เป็นต้น บริษัทดำเนินการให้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งทางเว็บไซต์และเอกสารในรูปแบบกระดาษซึ่งเป็นไปตามแบบฟอร์มในการให้บริการของบริษัทแล้วนำมาแปลงข้อมูลเข้าสู่อิเล็กทรอนิกส์หรือจัดเก็บโดยวิธีอื่น ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2563 เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของข้อมูล

คำนิยาม
     “บริษัท” หมายถึง บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน)
     “บริษัทในกลุ่ม”    หมายถึง บริษัทที่ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในทุกๆ ทอด ทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของทุนชำระแล้วของบริษัทนั(บริษัท พีซีเอ็ม คอมสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด, บริษัท อีส แอม อาร์ จำกัด, บริษัท พรีบิลท์ โฮลดิ้ง จำกัด)
     “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
           (1) ชื่อ - นามสกุล หรือชื่อเล่น
           (2) เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอณุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต
           (3) ที่อยู่ อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์
           (4) ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP Address, MAC Address และ Cookie ID เป็นต้น         
           (5) ข้อมูลทางชีวมิติ (Biometric) เช่น รูปภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ ฟิล์มเอกซเรย์ ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง และข้อมูลพันธุกรรม เป็นต้น
           (6) ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถยนต์ และโฉนดที่ดิน เป็นต้น
           (7) ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด เชื้อชาติ  สัญชาติ น้ำหนัก ส่วนสูง ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (Location) ข้อมูลการแพทย์ ข้อมูลการศึกษา 
ข้อมูลทางการเงินและข้อมูลการจ้างงานเป็นต้น
           (8) ข้อมูลการประเมินผลการปฎิบัติงานหรือความเห็นของนายจ้างต่อการทำงานของลูกจ้าง
           (9) ข้อมูลบันทึกต่างๆ ที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ของบุคคล เช่น log file เป็นต้น
          (10) ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเตอร์เน็ต
     “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
     “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้
บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
      “บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา
      “เจ้าหน้าที่ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Protection Officer : DPO) หมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบการดำเนินการ ประสานงาน
และให้ความร่วมมือกับสำนักคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

นโยบายและแนวปฎิบัติ

     1.การเก็บรวบรวมการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
         บริษัทและบริษัทในกลุ่ม มีการเก็บรวบรวม การใช้ การจัดเก็บ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งถึงความถูกต้อง ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันของข้อมูลด้วยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม บริการมีการจัดการข้อมูลเท่าที่จำเป็นในการให้บริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการดำเนินงานในด้านอื่นๆ ตามอำนาจหน้าที่และวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัทซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนดเท่านั้น โดยบริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบและขอความยินยอมก่อนเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด และหรือในกรณีอื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้

     2.วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูล
          การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล คือ การเข้าถึงและเข้าใช้บริการในระบบโปรแกรมและเว็บไซต์ เช่น โปรแกรมทางบัญชี การใช้เว็บไซต์ในการสมัครสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การสมัครงาน เป็นต้น บริษัทจัดให้มีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัท การใช้สั่งซื้อสินค้า บริการ สอบถามข้อมูล ร้องเรียน แจ้งข้อเสนอแนะ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็นที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนได้ เพื่อให้บริษัทดำเนินให้สิทธิและประโยชน์สำหรับการเข้าใช้บริการตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน รวมถึงพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ การจัดทำการตลาดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าและบริการ การทำวิจัย วิเคราะห์และการสำรวจตลาด การทำข้อมูลเชิงสถิติเพื่อนำสินค้าและบริการใหม่ให้แก่ผู้ใช้บริการ การประมวลผลข้อมูล คือ บริษัทจะนำข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคแรกในข้อ 2. เมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ยกเว้น การประมวลผลข้อมูลภายใต้ฐานการประมวลผลข้อมูล ดังต่อไปนี้
         (1) ฐานสัญญา (Contract)
          เมื่อผู้ใช้บริการสมัครเป็นสมาชิกหรือไม่ได้เป็นสมาชิก รวมถึงการใช้บริการด้านอื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลแก่บริษัท เพื่อบริษัทจะได้นำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนั้นไปประมวลผลเกี่ยวกับการให้บริการตามเงื่อนไขข้อตกลงในการใช้บริการรวมถึงนำไปใช้ติดต่อสื่อสารกับเจ้าของข้อมูล ติดตามและแจ้งผลประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าและบริการ ตอบข้อคำถาม ซึ่งหากเจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะทำให้บริษัทไม่สามารถรับการใช้บริการของเจ้าของข้อมูลได้ไม่สามารถจัดสิทธิและประโยชน์ตามเงื่อนไข ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ ไม่สามารถตรวจสอบความสามารถในการเข้าทำสัญญา รวมถึงตรวจสอบความเป็นตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ เป็นไปตามมาตรา 24 (3) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
         (2) ฐานความยินยอม (Consent)
         กรณีมีความจำเป็นบริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในการประมวลผลข้อมูลเพื่อการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ และหรือการบริการเพื่อนำเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และหรือการบริการเพื่อจัดกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท หรือเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หากเจ้าของข้อมูลไม่ประสงค์ในส่วนนี้ สามารถถอนคำยินยอมได้ โดยติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้
         (3) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
         กรณีมีความจำเป็นบริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการจัดการและจัดทำรายงานที่จำเป็นภายในบริษัท การดูแลรักษาระบบเพื่อการรักษามาตรฐานหรือพัฒนาในบริการนั้น การบริหารจัดการความเสี่ยงภายในองค์กร การควบคุมและการตรวจสอบภายใน ซึ่งมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลและการนำไปใช้ของผู้ประมวลผลข้อมูล ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 24 (5) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
         (4) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
         กรณีมีความจำเป็นบริษัทอาจนำข้อมูลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในการประมาลผลข้อมูลเพื่อปฎิบัติตามกฎหมายที่กำกับดูแล เช่น พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. 2499 เป็นต้น และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องอยู่ภายใต้การบังคับให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประมวลกฎหมายและพาณิชย์ที่ให้อำนาจศาลสั่งให้คู่ความส่งเอกสารหรือข้อมูลในการพิจารณาคดีความ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 24 (6) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

     3.  ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการประมวลผล และระยะเวลาในการเก็บรวบรวม
         บริษัทจะทำการประมวลผลข้อมูล และระยะเวลาในการเก็บรวบรวม ดังนี้
         (1) ประเภทหรือรายการข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ และข้อมูลการใช้บริการอื่นๆ ของเจ้าของข้อมูล เป็นต้น
         (2) ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 90 วัน นับจากที่สิ้นสุดการสมัครเป็นสมาชิก หรือการใช้บริการต่างๆ โดยเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาข้างต้น
             บริษัทอาจจะทำการลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลก็ได้ หรือยังคงเก็บรวบรวมไว้ อย่างไรก็ตามเจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะแจ้งให้บริษัทราบหากเข้าของข้อมูลต้องกาที่จะลบข้อมูลไม่ว่าเวลาใดๆ ก็ตาม

     4. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลอาจเปิดเผย
         บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับผู้สอบบัญชีของบริษัท ผู้ตรวจสอบภายนอกของบริษัท และหน่วยงานราชการ ตามกฎหมายกำหนด เป็นต้น

     5. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
เจ้าของข้อมูลที่ใช้บริการมีสิทธิในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
     (1) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่กับบริษัท
       (2) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับเจ้าของข้อมูลได้ รวมถึง ของให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ยินยิมต่อบริษัทได้
       (3) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ได้
       (4) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการขอให้บริษัททำการลบข้อมูลด้วยเหตุบางประการได้
       (5) สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุบางประการได้
      (6) สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) เจ้าของข้อมมูลมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือเจ้าของข้อมูลเองด้วยเหตุบางประการได้
       (7) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุบางประการ
         การร้องขอใดๆ ตามรายการข้างต้นนั้น เจ้าของข้อมูลจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการในระยะเวลาที่สมเหตุสมผลและไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะปฎิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิของท่านในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
         ข้อจำกัดในการให้บริการด้านต่างๆ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลขอให้บริษัท ลบ ทำลาย ระงับ ขอให้โอนการคัดค้าน หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวตนได้หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือการให้บริการกับเจ้าของข้อมูลในบางกรณีได้ ทั้งนี้ภายใต้ข้อกำหนด เงื่อนไขของการยินยอมใช้บริการด้านต่างๆ และตามที่กฎหมายกำหนด
         การใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าบริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่เจ้าของข้อมูลร้องขอ

     6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
         บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เช่น การป้องกันการสูญหายของข้อมูลโดยมิชอบ การป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ การป้องกันการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ การบันทึกผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Log File) การกำหนดสิทธิและข้อจำกัดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน การทำลายสื่อบันทึกต่างๆ ได้แก่ กระดาษ Flash Drive แผ่น CD-DVD ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้  แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

     7. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูล
         บริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธ์ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยสามารถยื่นคำร้องขอในเรื่องต่างๆ ตามสิทธิของเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล แต่ไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้
         ในกรณีที่เข้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใดๆ เช่น การแจ้งปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือลบข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ บริษัทจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย

     8. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
         บริษัทจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฎิบัติ ข้อบังคับ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
         กรณีมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบริษัทจะแจ้งให้ทราบ โดยการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท https://www.prebuilt.co.th  โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ บริษัทมีช่องทางที่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจดูความมีอยู่ ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล วัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลไปใช้ โดยติดต่อได้ตามข้อ 10.

     9. ข้อสงวนสิทธิ
         บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฎิเสธคำร้องขอตามข้อ 5. กรณีดังนี้
          (1)  กฎหมายสามารถกำหนดให้ทำได้
          (2) ข้อมูลส่วนบุคคลทำให้ไม่ปรากฎชื่อ หรือบอกสักษณะอันไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูลได้
          (3) ผู้ยื่นคำร้องขอไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นเจ้าของข้อมูลหรือเป็นผู้มีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว
          (4) คำร้องดังกล่าวไม่สมหตุสมผล เช่น กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิตามกฎหมาย หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท เป็นต้น
          (5) คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย เช่น เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือมีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นต้น

     10. ช่องทางการติดต่อ
         หากมีเหตุร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อ ประสานงานมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามรายละเอียดนี้


        ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
        บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน)
        เลขที่ 503 ชั้น 1 ถ.บอนด์สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
        โทรศัพท์  02-9601380-9 ต่อ 262
        เบอร์โทรศัพท์มือถือ  081-9324253 อีเมล์ dpo@prebuilt.co.th

        ประกาศนโยบายนี้ให้มีผผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เป็นต้น

contact us

×

Pre-Built Public Company Limited

503 Floor 1, Bond Streed Road., Bangpood, Pakkred, Nonthaburi 11120

Tel : +66 02 960 1380-9
Fax : +66 02 960 1394
Email : admin@prebuilt.co.th
Tax ID :  0107547000061


Billing Note Online Check Payment Date

Copyright © 2021-2024 prebuilt.co.th all right are reserved. Pre-Built Public Company Limited